28-06-2564

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ชี้เป้างานวิจัย และนวัตกรรม ต้องสร้างประเทศให้มีความเป็นอารยะ ใช้วิทยาศาสตร์เทคโนโลยีและนวัตกรรม “ดีด”

    ศาสตราจารย์ (พิเศษ) ดร.เอนก เหล่าธรรมทัศน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม หรือ อว. กล่าวแถลงนโยบายในการพัฒนาบุคลากรวิจัยและนวัตกรรมของกระทรวง การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ในการประชุมวิชาการระดับชาติภายใต้โครงการปริญญาเอกกาญจนภิเษก หรือ คปก. และโครงการพัฒนานักวิจัยและงานวิจัยเพื่ออุตสาหกรรม (พวอ.) ประจำปี 2564 ภายใต้แนวคิด “ขับเคลื่อนไทยโดยคนวิจัยกับโจทย์ท้าทายในยุควิถีใหม่” จัดโดย สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ หรือ วช. ร่วมกับหน่วยงานเครือข่าย โดยกล่าวว่า เป้าหมายงานวิจัยและนวัตกรรมคือ การสร้างประเทศที่เป็นประเทศพัฒนาแล้ว มีความเป็นอารยะ การที่จะเป็นประเทศพัฒนาแล้ว จะต้องมีการใช้งานวิจัย วิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยีมาเป็นแผนในการช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ เพื่อทำให้ประเทศไทยออกจากกับดักรายได้ปานกลางให้ได้ และใช้ศิลปะวิทยาการทั้งปวง ไม่ใช่สอนหรือเรียนไปตามประเทศอื่น ๆ ไม่ใช่ทำนวัตกรรมเพื่อนวัตกรรมอย่างเดียว แต่ต้องมีความรู้ในศิลปะวิทยาการ สังคมศาสตร์ มนุษยศาสตร์ในการขับเคลื่อน หรือเรียกว่า เป็นการ “ดีด” ประเทศไทยให้พ้นจากกับดักการเป็นประเทศรายได้ปานกลาง

   รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม กล่าวต่อไปว่า การทำวิจัยแบบเรื่อย ๆ ทุกหัวข้อตามแบบชาติอื่น ๆ ก็เหมือนเราเอางบประมาณมาถมในหลุมที่มีจำนวนมาก เราไม่มีทรัพยากรเพียงพอที่จะถมหลุมทุกหลุมให้เต็ม จึงต้องมีการจัดลำดับความสำคัญ ต้องมีจุดโฟกัสและต้อง ไม่พัฒนาแบบค่อยเป็นค่อยไป แต่ต้องมีเป้าให้ชัดเจน คือ ต้องทำให้ไทยเป็นประเทศที่พัฒนาแล้วให้ได้ภายใน 20 ปี แต่สำหรับ อว.ควรทำให้ได้ภายใน 7 - 10 ปี ตัวเลข 7 ปีนี้เอามาจากการที่ได้มีโอกาสไปเยี่ยมชมหน่วยงาน/สถาบันต่างๆ เช่น สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ (สดร.) และมหาวิทยาลัยเทคโนโลยี พระจอมเกล้าพระนครเหนือ (มจพ.) ที่มีเป้าหมายในการส่งดาวเทียมไปโคจรรอบดวงจันทร์ภายในอีก 7 ปีข้างหน้า ถือเป็นหมุดหมายที่อยากเห็น ทุกเรื่องจึงต้องตั้งเป็นธงให้ชัดเจน

   ศาสตราจารย์ (พิเศษ) ดร.เอนก เหล่าธรรมทัศน์ กล่าวอีกว่า การที่จะออกจากการเป็นประเทศกำลังพัฒนาสามารถทำได้ คือ เรามีดีเอ็นเอ ที่เป็นเศรษฐกิจเชิงสร้างสรรค์อยู่แล้ว, ส่วนในเรื่องของ เศรษฐกิจที่มาจากวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี เราก็ทำได้ดี แต่ต้องเลิกความคิดที่ว่าพึ่งพาเทคโนโลยีคนอื่น นโยบายของ อว.ไม่ควรเป็นนโยบายวิทยาศาสตร์ของประเทศกำลังพัฒนา แต่ต้องเป็นนโยบายวิทยาศาสตร์แบบประเทศ ที่พัฒนาแล้ว โดยมีหลักการสำคัญ 3 ข้อ ได้แก่ 1.อย่าทำแบบค่อยเป็นค่อยไป ต้องทำอะไรแบบก้าวกระโดดใหญ่ๆ อะไรที่จะทำให้เราก้าวกระโดดใหญ่ๆ ได้ เราต้องทำ 2.ต้องทำอะไรที่เป็นบายพาส (Bypass) หรือ ทางลัดให้ได้ การเป็นนักวิทยาศาสตร์ ก็ต้องคิดแบบมียุทธศาสตร์คือ ต้องรบให้ชนะ ไม่ว่าจะเป็นทางเลี่ยง ทางเบี่ยง ทางลัด ก็ต้องหาทางให้ได้ และ 3.เราจะต้องทราบว่าเวลานี้เราอยู่ในกระแสการเปลี่ยนแปลงทาง ภูมิรัฐศาสตร์ของโลก ซีกตะวันออกมีความสำคัญขึ้นมาก ไม่ใช่เฉพาะทางตะวันตกเท่านั้น เราต้องใช้ประโยชน์จากการขัดแย้ง และประชันขันแข่งของสองทวีปนี้ให้ได้มากที่สุด

   ด้าน ดร.วิภารัตน์ ดีอ่อง ผู้อำนวยการสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ หรือ วช. กล่าวว่า วช. มีหน้าที่สำคัญในการบริหารทุนวิจัยและนวัตกรรม รวมทั้งส่งเสริมและสนับสนุนบุคลากรด้านวิจัยและนวัตกรรม โดยลงนามความร่วมมือโครงการร่วมให้ทุนพัฒนาบุคลากรระดับปริญญาเอก กับกรมวิชาการเกษตร และลงนามความร่วมมือการร่วมสนับสนุนทุนโครงการพัฒนานักวิจัยและงานวิจัยเพื่ออุตสาหกรรม กับมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ ทั้งสองโครงการนี้ เพื่อสร้างเครือข่ายความร่วมมือทางวิชาการในสาขาต่าง ๆ อีกทั้ง เป็นการช่วยสนับสนุนและผลักดันให้นำผลงานไปใช้ประโยชน์ ทั้งมิติวิชาการและมิติสังคม