26-09-2567

สำนักงานคณะกรรมการ สกสค. ร่วมกับ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ออกโครงการสวัสดิการเพื่อลดภาระครูและบุคลากรทางการศึกษา ลดอัตราดอกเบี้ยเหลือเพียง ร้อยละ 1.71 ต่อปี

   พลตำรวจเอกเพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธานในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU)  ระหว่างสำนักงานคณะกรรมการ สกสค. โดย ดร.พีระพันธ์ เหมะรัต เลขาธิการคณะกรรมการ สกสค. และธนาคารอาคารสงเคราะห์ นายกมลภพ วีระพละกรรมการผู้จัดการในการร่วมกันให้บริการทางวิชาการด้านการบริหารหรือวางแผนทางการเงิน และการออมเพื่อการมีบ้านตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง รวมถึงการสนับสนุนผลิตภัณฑ์ทางการเงิน อาทิ เงินฝาก สินเชื่อ เพื่อส่งเสริมสวัสดิการและลดภาระครูและบุคลากรทางการศึกษา โดยสำนักงานคณะกรรมการ สกสค. ได้หารือกับธนาคารอาคารสงเคราะห์ จนมีความเห็นและแนวทางร่วมกันในการจัดสวัสดิการการออม สวัสดิการผู้เกษียณอายุ และแก้ไขปัญหาหนี้สินด้วยการลดดอกเบี้ยสูงจากอัตราร้อยละ 6-7  บาทต่อปี เหลือ 1.71 บาทต่อปี เพื่อให้ครูมีเงินได้รายเดือนเหลือมากขึ้น จนมีการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือในวันนี้ นับว่าเป็นเรื่องที่น่ายินดีเป็นอย่างยิ่งที่ครูและบุคลากรทางการศึกษา จะได้มีสวัสดิการ รวมทั้งมีบริการผลิตภัณฑ์ด้านการเงินต่าง ๆ ทั้งด้านการออมและสินเชื่อที่มีคุณภาพเป็นทางเลือกเพิ่มมากขึ้น อันทำให้เกิดคุณภาพชีวิตที่ดีแก่ครอบครัวครูและบุคลากรทางการศึกษาส่งผลให้สามารถพัฒนาคุณภาพการเรียนการสอนของครูและนักเรียนให้ดียิ่งขึ้น

   ด้านนายกมลภพ วีระพละ กรรมการผู้จัดการธนาคารอาคารสงเคราะห์ กล่าวว่า “สกสค. และธอส. ร่วมมือกันให้บริการทางวิชาการด้านการบริหารหรือวางแผนทางการเงิน และการออมเพื่อการมีบ้านตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงแก่ครูและบุคลากรทางการศึกษา ให้คำปรึกษาแก้ไขปัญหาทางการเงินและกฎหมายแก่ครูและบุคลากรทางการศึกษา ซึ่งมีภาระผูกพันกับสถาบันการเงินอื่น และมีความประสงค์ปรับโครงสร้างหนี้กับทางธนาคาร และความร่วมมือในการการสนับสนุนผลิตภัณฑ์ทางการเงิน อาทิ เงินฝาก สินเชื่อเพื่อส่งเสริมสวัสดิการและลดภาระครูและบุคลากรทางการศึกษา ประกอบด้วย โครงการโรงเรียนการเงิน เงินฝากประจำสะสมทรัพย์ 24 เดือน เพื่อส่งเสริมการออมอย่างยั่งยืน สม่ำเสมอ ในวงเงินตั้งแต่ 1,000 บาท ถึง 25,000 บาทต่อเดือน ในอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำ  ร้อยละ 1.7 ต่อปี เมื่อฝากครบ 24 เดือนติดต่อกันจะได้รับอัตราดอกเบี้ยเพิ่มอีก ร้อยละ 1 ตั้งแต่ต้น

2. โครงการสวัสดิการลดภาระครูและบุคลากรทางการศึกษา Refinance In เพื่อลดค่าครองชีพจากอัตราดอกเบี้ยสูง ร้อยละ 6 – 7  เหลือ ร้อยละ 1.71  โดยให้ครูและบุคลากรทางการศึกษาที่มีสินเชื่อที่อยู่อาศัยกับสถาบันการเงินอื่นมา Refinance ปรับโครงสร้างหนี้กับ ธอส. ซึ่งจะทำให้มีรายได้ต่อเดือนคงเหลือเพิ่มขึ้นจากอัตราดอกเบี้ยที่ลดลง

3. โครงการสวัสดิการเกษียณสุขสำราญ Reverse Mortgage ให้ผู้เกษียณได้มีรายได้เพิ่มเป็นการช่วยเหลือค่าครองชีพ โดยให้ผู้เกษียณแล้วอายุระหว่าง 60 – 75 ปี ที่มีบ้านปลอดภาระจำนองได้เข้าโครงการกู้เงินในอัตราครึ่งหนึ่งของราคาประเมินทรัพย์สินแต่ไม่เกิน 10 ล้านบาท รับเงินกู้เป็นรายเดือนโดยไม่ชำระดอกเบี้ยได้ถึงอายุ 85 ปี

   ดร.พีระพันธ์ เหมะรัต เลขาธิการคณะกรรมการ สกสค. กล่าวเพิ่มเติมว่า “ทั้ง 3 โครงการข้างต้นจะเป็นการลดภาระและแก้ไขปัญหาหนี้สินให้แก่ครูและบุคลากรทางการศึกษาตามนโยบายของกระทรวงศึกษาธิการ ผู้ที่สนใจสามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมหรือลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการได้ที่ Line OA : สกสค. “ศูนย์ปรึกษาทางการเงิน” ได้ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป

   อย่างไรก็ตาม  พลตำรวจเอกเพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการมีนโยบาย “เรียนดี มีความสุข” เพื่อลดภาระครูและบุคลากรทางการศึกษาให้สามารถพัฒนาการศึกษาของชาติให้บรรลุเป้าหมาย  การจัดให้มีสวัสดิการต่าง ๆ รวมทั้งการแก้ไขปัญหาหนี้สินครูเป็นภารกิจสำคัญอย่างหนึ่งที่กระทรวงศึกษาธิการต้องขับเคลื่อนให้เกิดผลเป็นรูปธรรม โดยมี สำนักงานคณะกรรมการ สกสค. เป็นหน่วยงานหลักที่ มีบทบาทหน้าที่สำคัญในการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพให้แก่ครูและบุคลากรทางการศึกษาทั่วประเทศ