นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงศึกษาธิการและโฆษกกระทรวงศึกษาธิการ เปิดเผยจากกรณีที่นายทักษิณ ชินวัตรอดีตนายกรัฐมนตรี พูดถึงกระทรวงศึกษาธิการว่าใหญ่เกินไปจนมีปัญหา ถึงเวลาต้องปรับในการปราศรัยที่ จ.ศรีสะเกษ ว่า สิ่งที่นายทักษิณพูดไม่ใช่ปัญหาใหม่สำหรับกระทรวงศึกษาธิการ เป็นเรื่องที่มีมานานแล้ว ซึ่งปัจจุบัน พลตำรวจเอกเพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการมีนโยบายขับเคลื่อนงานด้านการศึกษาได้อย่างเป็นรูปธรรม เช่น ระบบการย้ายครูผ่านระบบ Trs , การแก้หนี้ครู, การยกเลิกครูเวร อย่างไรก็ตามจากนโยบายดังกล่าวที่ดูแลสวัสดิภาพของครูและบุคคลากรทางการศึกษาปัญหาก็ยังไม่หมดไป เนื่องจากการจะแก้ปัญหาหรือการขับเคลื่อนสิ่งต่างๆต้องอาศัยในเรื่องงบประมาณ ตัวอย่างเช่นในอดีตหากขาดบุคลากรอาจต้องมีการหาคนมาเพิ่มแต่การแก้ปัญหาอีกอย่างหนึ่งไม่ใช่แค่หาคนใหม่ แต่ต้องมีการอัพสกิลหรือเพิ่มทักษะบุคลากรที่มีอยู่แล้วจะเป็นอีกปัจจัยในการแก้ปัญหาได้ ซึ่งในปีการศึกษา 2568 จะมีการนำเทคโนโลยีมาช่วยขับเคลื่อนซึ่งต้องดูว่าจะมีการทำให้การศึกษามีการเปลี่ยนแปลงได้แค่ไหน
นอกจากนี้ กรณีที่นายทักษิณพูดถึงการจ้างครูต่างชาติแล้วจะนำเงินที่ได้จากการเก็บภาษีจากการพนันที่ถูกกฎหมายก็จะนำเงินไปจ้าง เรื่องนี้ตนมองว่าไม่ควรนำมาเชื่อมโยงกัน เพราะการจ้างครูต้องทำตามความจำเป็นแต่การพัฒนาทักษะครูคือหน้าที่ที่รัฐบาลต้องทำ และการเก็บภาษีออนไลน์หรือการทำสิ่งผิดกฎหมายให้ถูกกฎหมาย เป็นสิ่งที่รัฐบาลต้องดำเนินการ แต่ไม่ได้หมายถึงเป็นการสร้างเงื่อนไขว่าการทำพนันออนไลน์ถูกกฎหมายไม่ได้แล้วจะไม่มีเงินมาจ้างครู ซึ่งเป็นคนละประเด็นกัน
นายสิริพงศ์ กล่าวต่อไปว่า ส่วนเรื่องที่พูดถึงว่ากระทรวงศึกธิการมีโครงสร้างใหญ่ไปนั้น ในอดีตได้มีการแบ่งโครงสร้างแยกออกไปแล้วทั้งเรื่องพละศึกษาเป็นกรมพละศึกษา เรื่องงานวัฒนธรรมแยกเป็นกระทรวงวัฒนธรรม ซึ่งการแก้ปัญหาดังกล่าวควรมองที่ว่าหากองค์กรมีความใหญ่ควรจะทำอย่างไรให้หน่วยงานต่างๆสามารถมาบูรณาการการทำงานร่วมกันได้ ซึ่งจุดนี้กระทรวงศึกษาธิการภายใต้การนำของพลตำรวจเอกเพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการกำลังมีการดำเนินการอยู่ มีการทำงานไปในทิศทางเดียวกัน มีความเป็นเอกภาพและตอนนี้เห็นเป็นรูปธรรมแล้ว