นายพนมบุตร จันทรโชติ อธิบดีกรมศิลปากร แถลงการเปลี่ยนผ่านจากยุคอนุรักษ์สืบทอดสู่การต่อยอดพัฒนา เนื่องในโอกาส ๑๑๔ ปี แห่งการสถาปนากรมศิลปากร พร้อมเปิดตัวของที่ระลึกจากต้นทุนทางวัฒนธรรม อธิบดีกรมศิลปากร กล่าวว่า นับแต่พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้จัดตั้งกรมศิลปากร เมื่อวันที่ ๒๗ มีนาคม พุทธศักราช ๒๔๕๔ เพื่อการอนุรักษ์ และสืบทอดมรดกศิลปวัฒนธรรมสาขาต่าง ๆ ของชาติ ตลอดเวลาที่ผ่านมา กรมศิลปากร ได้มีการปรับเปลี่ยนและพัฒนาแนวทางการดำเนินงานให้สอดคล้องกับยุคสมัยที่เปลี่ยนแปลงไป สร้างการมีส่วนร่วมของประชาชน มีการนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาใช้อย่างเหมาะสม มุ่งเน้นการอนุรักษ์ สืบทอด และนำมรดกทางวัฒนธรรมมาสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจ เพื่อประโยชน์ต่อการพัฒนาประเทศ ในโอกาส ๑๑๔ ปี แห่งการสถาปนากรมศิลปากร จึงถือเป็นอีกก้าวย่างสำคัญที่จะเกิดการเปลี่ยนผ่านจากการอนุรักษ์ สืบทอด สู่ยุคแห่งการต่อยอดและพัฒนา โดยมีการดำเนินภารกิจสำคัญ ดังนี้ พัฒนาโรงละครแห่งชาติ ตามมาตรฐานโรงละครระดับนานาชาติ ทัดเทียมกับอารยประเทศ ให้เป็นโรงละครที่งดงามสมเกียรติภูมิของประเทศชาติ ซึ่งจะแล้วเสร็จในปีนี้ และได้เตรียมจัดการแสดงเฉลิมฉลองอย่างยิ่งใหญ่ในการกลับมาของโรงละครแห่งชาติ / เปิดแหล่งเรือจมพนม-สุรินทร์ จังหวัดสมุทรสาคร ให้เป็นแหล่งเรียนรู้ใหม่ เชื่อมโยงกับแหล่งเรียนรู้และแหล่งท่องเที่ยวอื่น ๆ ที่อยู่ใกล้เคียง พัฒนาเป็นเส้นทางท่องเที่ยวทางวัฒนธรรม เพื่อเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจให้กับท้องถิ่น / ศึกษาเรื่องคนก่อนประวัติศาสตร์ในประเทศไทย จากยุคบุกเบิกสู่ยุคแห่งการต่อยอดและพัฒนา โดยนำเทคโนโลยีและการประยุกต์ศาสตร์ต่าง ๆ เข้ามาใช้ ทำให้องค์ความรู้ด้านโบราณคดียุคก่อนประวัติศาสตร์ของไทยก้าวหน้าและทันสมัยขึ้น พัฒนาแหล่งโบราณคดียุคก่อนประวัติศาสตร์เป็นแหล่งเรียนรู้ให้ทุกคนได้ภาคภูมิใจในพัฒนาการอันยาวนานของผืนแผ่นดินนี้ / จัดทำหลักสูตรประวัติศาสตร์ท้องถิ่น และหนังสือคู่มือท้องถิ่นของเรา เพื่อให้เด็กและเยาวชนได้รับรู้เรื่องราวท้องถิ่นของตนเอง สร้างความรัก ผูกพัน และความภาคภูมิใจในบ้านเกิด ซึ่งประสานสอดคล้องกับภารกิจของกรมศิลปากร / ศิลปากรสัญจร เผยแพร่องค์ความรู้มรดกศิลปวัฒนธรรมของชาติ สู่การส่งเสริมการท่องเที่ยว และเศรษฐกิจสร้างสรรค์ ผลักดันให้คุณค่าของมรดกศิลปวัฒนธรรมกลายเป็นยุทธศาสตร์และทุนทางสังคมที่ช่วยสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจแก่ประเทศชาติ สถานีดิจิทัลศิลปวัฒนธรรม กรมศิลปากร รวบรวมบริการด้านดิจิทัลของกรมศิลปากรไว้ในที่เดียว เพิ่มความสะดวกและการเข้าถึงที่ง่ายขึ้น ประชาชนเข้าถึงบริการและข้อมูลมรดกศิลปวัฒนธรรมได้อย่างมีประสิทธิภาพ /ปรับปรุงพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติที่พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เสด็จ พระราชดำเนินไปทรงเปิด จำนวน ๗ แห่ง เพื่อเทิดพระเกียรติในโอกาสพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงมีพระชนมายุ ๑๐๐ พรรษา ในปีพุทธศักราช ๒๕๗๐ ได้แก่ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เจ้าสามพระยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ รามคำแหง จังหวัดสุโขทัย พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ อู่ทอง จังหวัดสุพรรณบุรี พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ขอนแก่น พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เชียงใหม่ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ นครศรีธรรมราช โดยเพิ่มศักยภาพให้มีการบริการที่ทันสมัย ตอบสนองสังคมอย่างมีส่วนร่วมและสอดรับกับนโยบายของรัฐบาลในการนำทุนทางวัฒนธรรมมาเป็นพลังสร้างสรรค์เศรษฐกิจ / จดหมายเหตุไทยในยุคแห่งการต่อยอดและพัฒนา พัฒนาระบบบริหารเอกสาร เพื่อรองรับ / นโยบายรัฐบาลในการส่งเสริมให้ภาครัฐใช้วิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ในการปฏิบัติราชการตลอดจนการเผยแพร่ความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับการปฏิบัติงานบริหารเอกสารแก่หน่วยงานของรัฐอย่างต่อเนื่อง / รักษ์รากเหง้า ก้าวสู่อนาคต การเปลี่ยนผ่านของหอสมุดแห่งชาติ พัฒนา ต่อยอดบทบาทของ หอสมุดแห่งชาติจาก "แหล่งอนุรักษ์" ไปสู่ "ศูนย์กลางนวัตกรรมทางปัญญาของชาติ" นำเทคโนโลยีดิจิทัลเป็นตัวขับเคลื่อนหลักให้ประชาชนเข้าถึงข้อมูลได้สะดวก รวดเร็ว พร้อมมุ่งต่อยอดการสร้างนวัตกรรมการบริการและการเรียนรู้ด้วยเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ / เปิดอาคารศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการอนุรักษ์แห่งใหม่ จังหวัดปทุมธานี เสริมศักยภาพในการยกระดับมาตรฐานงานอนุรักษ์โบราณวัตถุและมรดกทางวัฒนธรรมทุกประเภทของประเทศไทยให้ทัดเทียมสากล / สร้างต้นทุนทางวัฒนธรรม วัฒนธรรมนำสู่เศรษฐกิจ พัฒนาผลิตภัณฑ์ต้นแบบที่เป็นอัตลักษณ์ สอดแทรกกลิ่นอายของศิลปกรรมในแหล่งเรียนรู้ต่าง ๆ จำหน่ายส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์จากทุนทางวัฒนธรรมของชาติ
นอกจากนี้ กรมศิลปากรได้เปิดตัวต้นแบบผลิตภัณฑ์ทุนทางวัฒนธรรม โดยสำนักช่างสิบหมู่ได้ดำเนินโครงการออกแบบและจัดทำของที่ระลึกของกรมศิลปากร ต่อยอดทุนทางวัฒนธรรมจากแหล่งเรียนรู้ ไม่ว่าจะเป็นโบราณสถาน โบราณวัตถุในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ผ่านการศึกษา วิเคราะห์สู่การออกแบบผลิตภัณฑ์ที่มีความสวยงาม คำนึงถึงการใช้ประโยชน์ ถือเป็นการรักษาองค์ความรู้ทางศิลปวัฒนธรรมที่กําลังจะสูญหาย และเพิ่มพูนประสบการณ์ ความเชี่ยวชาญในเชิงช่างและการออกแบบของบุคลากรในสำนักช่างสิบหมู่ ขณะนี้ มีผลิตภัณฑ์ของที่ระลึกจากพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เจ้าสามพระยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ อู่ทอง จังหวัดสุพรรณบุรี และพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ สุพรรณบุรี และจะขยายไปสู่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติในจังหวัดที่มีแหล่งท่องเที่ยวทางศิลปวัฒนธรรมที่สำคัญเพิ่มขึ้นด้วย