คงปฏิเสธไม่ได้ว่าพลังงานไฟฟ้าเป็นปัจจัยสำคัญในการดำรงชีวิตของเราในปัจจุบัน แต่ทุกท่านทราบหรือไม่ครับว่าประเทศไทยเราใช้เชื้อเพลิงอะไรในการผลิตไฟฟ้ากันบ้าง ปัจจุบันประเทศไทยสามารถผลิตไฟฟ้าได้จากเชื้อเพลิงหลายชนิด ยกตัวอย่างเช่น เชื้อเพลิงฟอสซิล ได้แก่ ก๊าซธรรมชาติ ถ่านหิน น้ำมัน และจากพลังงานหมุนเวียนหรือจากธรรมชาติ เช่น พลังงานลม พลังงานแสงอาทิตย์ พลังน้ำ ชีวมวล ซึ่งเชื้อเพลิงแต่ละประเภทมีทั้งข้อดีและข้อจำกัดแตกต่างกัน เราจึงต้องมีการผลิตไฟฟ้าจากหลายๆ เชื้อเพลิง เพื่อรักษาความมั่นคงทางพลังงานของประเทศ และท่านทราบไหมว่าประเทศไทยใช้เชื้อเพลิงอะไรผลิตไฟฟ้ามากที่สุด หลายๆ ท่านอาจคิดว่าประเทศไทยเราผลิตไฟฟ้าจากพลังน้ำเยอะที่สุด เพราะเรามีเขื่อนเยอะ และหลายๆ ท่านก็คงคิดว่าประเทศไทยเราผลิตไฟฟ้าจากพลังงานลมหรือแสงอาทิตย์เยอะ เพราะมีการติดตั้งกังหันลมและแผงโซล่าเซลล์อย่างมากมายในหลายๆ พื้นที่ ซึ่งจริงๆ แล้ว ทั้งพลังน้ำจากเขื่อน พลังงานลม รวมถึงพลังงานแสงอาทิตย์นั้น มีข้อจำกัดที่ไม่สามารถผลิตไฟฟ้าได้ตลอดทั้งวัน เนื่องจากขึ้นอยู่กับปัจจัยทางธรรมชาติ จึงไม่สามารถนำมาใช้เป็นพลังงานหลักในการผลิตไฟฟ้าได้ เชื้อเพลิงหลักที่ประเทศไทยเรานำมาใช้ในการผลิตไฟฟ้าในปัจจุบัน คือ ก๊าซธรรมชาติ เราใช้ก๊าซธรรมชาติในการผลิตไฟฟ้าประมาณ 55 เปอร์เซนต์ ของกำลังการผลิตไฟฟ้าทั้งหมด รองลงมาคือถ่านหินที่ประมาณ 18 เปอร์เซนต์ ในขณะที่พลังน้ำ ลม และแสงอาทิตย์ นำมาใช้ผลิตไฟฟ้ารวมกันได้เพียงแค่ 10 กว่า เปอร์เซนต์ เท่านั้น และนอกจากที่เราผลิตเองในประเทศแล้วยังมีพลังงานไฟฟ้าบางส่วนที่เราต้องซื้อมาจากประเทศเพื่อนบ้านอีกประมาณ 10 เปอร์เซนต์
จะเห็นได้ว่าประเทศไทยเรามีการผลิตไฟฟ้าจากหลายๆ เชื้อเพลิง หลายๆ แหล่ง เนื่องจากการจะผลิตไฟฟ้าให้พอเพียงกับการใช้งานภายในประเทศนั้นต้องคำนึงถึงปัจจัยหลัก 3 ประการก็คือ ความมั่นคงทางพลังงาน สภาพเศรษฐกิจ และการคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม
ในด้านความมั่นคงทางพลังงาน คือเราต้องมีปริมาณไฟฟ้าเพียงพอต่อการใช้งานตลอดเวลาในทุกๆ ภาคส่วนของประเทศ การที่เราต้องพึ่งพาเชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติและถ่านหินเป็นหลักก็เพราะว่าเชื้อเพลิงเหล่านั้นเราสามารถนำมาผลิตไฟฟ้าได้ตามปริมาณที่ต้องการตลอด 24 ชั่วโมง ตลอดปี โดยไม่ต้องพึ่งพาปัจจัยสภาพอากาศ ที่เราไม่สามารถควบคุมได้
ในด้านสภาพเศรษฐกิจ คือ ต้นทุนของเชื้อเพลิงที่นำมาผลิตไฟฟ้าจะต้องมีความเหมาะสม เพื่อให้ราคาค่าไฟฟ้ามีความเหมาะสมต่อการใช้งานโดยทั่วไป ราคาไม่แพง ซึ่งจะส่งผลดีต่อการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศได้อีกด้วย
ส่วนในด้านสิ่งแวดล้อม ในการผลิตไฟฟ้านั้น ต้องไม่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งการที่เราผลิตไฟฟ้าจากธรรมชาติทั้งพลังงานลม น้ำ และแสงอาทิตย์ ก็เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยลดการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล และลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่เกิดจากการเผาไหม้ของเชื้อเพลิงฟอสซิลนั่นเอง
ทั้งนี้ทั้งนั้น เชื้อพลิงแต่ละชนิดที่เรานำมาผลิตไฟฟ้ามีข้อดีและข้อจำกัดที่แตกต่างกัน การที่เราจะต้องเลือกว่าจะนำเชื้อเพลิงชนิดใดมาผลิตไฟฟ้าในปริมาณเท่าไหร่จึงขึ้นอยู่กับความเหมาะตามปัจจัยหลักทั้ง 3 ประการ ของเชื้อเพลิงนั้นๆ และในตอนต่อไปเราจะมาดูกันนะครับว่าเชื้อเพลิงแต่ละประเภทที่เราใช้ในการผลิตไฟฟ้ากันอยู่ทุกวันนี้มีข้อดีและข้อจำกัด ที่แตกต่างกันอย่างไร