ขอต้อนรับเข้าสู่ช่วง “รอบรู้ Energy 5 นาที กับ กฟผ.” สำหรับเรื่องราวดี ๆ ในวันนี้เราจะมาทำความรู้จักกับ “โรงไฟฟ้าจากวัสดุเหลือใช้ จากการเกษตรและอุตสาหกรรม” หรือที่เรียกว่า โรงไฟฟ้าชีวมวลและโรงไฟฟ้าก๊าซชีวภาพ กันค่ะ
ประเทศไทย ซึ่งเป็นประเทศที่ทำการเกษตรเป็นหลัก และยังมีโรงงานอุตสาหกรรมที่ทำการแปรรูปผลผลิตที่ได้จากการเกษตร โดยในกระบวนการผลิตและแปรรูปนั้น ย่อมต้องมีวัสดุเหลือใช้ที่ไม่สามารถนำไปใช้งานต่อได้ จึงมีแนวคิดในการใช้ประโยชน์จากวัสดุเหลือใช้ดังกล่าว นำมาใช้เป็นเชื้อเพลิงของโรงไฟฟ้าเพื่อผลิตไฟฟ้า
ก่อนอื่น เรามาทำความรู้จักกับชีวมวลและก๊าซชีวภาพกันก่อนนะคะ ว่าคืออะไร และแตกต่างกันอย่างไร
ชีวมวล หรือ Biomass คือ สิ่งที่ได้จากสิ่งมีชีวิตหรือสารอินทรีย์ที่สามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานได้โดยรวมถึงวัสดุที่เหลือจากการเก็บเกี่ยวพืชผลทางการเกษตร เช่น เหง้ามันสำปะหลัง ฟางข้าว ยอดใบและลำต้นของข้าวโพด ลำต้นปาล์มน้ำมัน หรือจากโรงงานอุตสาหกรรมที่แปรรูปผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร เช่น แกลบ ชานอ้อย เปลือกและกากมันสำปะหลัง เส้นใยและกะลาปาล์ม เศษไม้ยางพารา
สำหรับ ก๊าซชีวภาพ หรือ Biogas คือ ก๊าซที่เกิดขึ้นจากการหมัก และกระบวนการย่อยสลายสารอินทรีย์จาก คน สัตว์ พืช และซากของสิ่งมีชีวิตต่าง ๆ ซึ่งถูกย่อยสลายโดยจุลินทรีย์ที่ไม่ใช้อากาศ จนกลายเป็นก๊าซชีวภาพ มีก๊าซมีเทนเป็นก๊าซหลัก ซึ่งมีคุณสมบัติติดไฟได้ดี
จากเชื้อเพลิงที่มีความแตกต่างกัน จึงสามารถแยกโรงไฟฟ้าที่ใช้วัสดุเหลือใช้จากการเกษตรและอุตสาหกรรม ออกได้เป็น 2 ประเภท คือ โรงไฟฟ้าชีวมวลและโรงไฟฟ้าก๊าซชีวภาพ
โดยการผลิตไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าทั้ง 2 ประเภทจะแตกต่างกันเล็กน้อยในขั้นตอนของการเตรียมเชื้อเพลิงค่ะ
ถ้าเป็น การผลิตไฟฟ้าจากชีวมวล จะเริ่มจากการปลูกพืชผลทางการเกษตร เมื่อเก็บเกี่ยวแล้วก็จะมีวัสดุเหลือใช้เกิดขึ้น ซึ่งวัสดุเหลือใช้เหล่านั้น จะถูกเรียกว่า “ชีวมวล” จากนั้นจะเป็นการนำชีวมวลส่งไปยังโรงไฟฟ้า เข้ากระบวนการเผา เพื่อนำความร้อนที่ได้ไปผลิตไอน้ำที่อุณหภูมิและความดันสูง และนำไอน้ำไปขับกังหันไอน้ำเพื่อผลิตกระแสไฟฟ้า
ส่วน การผลิตไฟฟ้าจากก๊าซชีวภาพ จะเริ่มจากการหมักพืชพลังงาน เช่น หญ้าเนเปียร์ มูลสัตว์ต่าง ๆ น้ำเสียจากโรงงานอุตสาหกรรมแปรรูปผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร แล้วจึงส่งไปยัง “ถังหมักก๊าซชีวภาพ” ผ่านกระบวนการหมัก เกิดการย่อยสลายแบบไม่ใช้ออกซิเจน ได้ออกมาเป็นก๊าซชีวภาพ จากนั้นจึงนำก๊าซดังกล่าวไปใช้ทั้งในส่วนของการผลิตไฟฟ้า ผลิตความร้อน และผลิตพลังงานร่วมทั้งไฟฟ้าและความร้อน (Cogeneration System)
เหตุผลที่ประเทศไทยหันมาให้ความสนใจกับ การผลิตไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าทั้งสองประเภทนี้ เพราะมีข้อดีคือ
แน่นอนว่าเมื่อมีข้อดีก็ย่อมต้องมีข้อจำกัดด้วย ซึ่งข้อจำกัดของโรงไฟฟ้าประเภทนี้ ก็คือ
ทั้งนี้ ประเทศไทย มีแผนจะผลิตไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าชีวมวล และโรงไฟฟ้าก๊าซชีวภาพ รวมกำลังการผลิต 7,355 เมกะวัตต์ ภายในปี พ.ศ. 2580 ซึ่งก็จะเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยลดการพึ่งพาเชื้อเพลิงจากต่างประเทศ
หวังว่าเรื่องราวในวันนี้จะเป็นประโยชน์ต่อผู้ฟังทุกท่าน กลับมาพบกับสาระดีๆ ได้ใหม่ในตอนหน้า สำหรับวันนี้ สวัสดีค่ะ
ที่มา https://www.thebangkokinsight.com/news/environmental-sustainability/532175/#:~:text=ใช้ต่อไป-,แผนพัฒนาพลังงานทดแทนและพลังงานทางเลือก%20พ.ศ,หมุนเวียนที่%2029%2C411%20เมกะวัตต์