สพฐ. เปิดสถานศึกษาให้ประชาชนในพื้นที่ชายแดนเป็นศูนย์พักพิงเพื่อความปลอดภัย
ว่าที่ร้อยตรี ธนุ วงษ์จินดา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (เลขาธิการ กพฐ.) เปิดเผยภายหลังการประชุมผู้บริหารระดับสูงของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ว่า ในที่ประชุมได้มีการหารือถึงสถานการณ์ชายแดนไทยกัมพูชา โดย ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) ได้เน้นย้ำถึงกรณีสถานศึกษาที่ใช้เป็นศูนย์พักพิงของนักเรียน ผู้ปกครองและประชาชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การสู้รบไทย-กัมพูชา หากยังไม่สามารถอพยพกลับไปยังบ้านเรือน หรือที่พักได้จะต้องพึ่งพาสถานศึกษาให้เป็นสถานที่พักพิงต่อไป จนกว่าฝ่ายทหารหรือฝ่ายความมั่นคงจะยืนยันในเรื่องของความปลอดภัยอีกครั้ง เพราะฉะนั้นตนจึงได้เน้นย้ำไปยังผู้อำนวยการเขตพื้นที่การศึกษาว่าพื้นที่ใด สถานศึกษาใดถ้าหน่วยงานความมั่นคงขอความร่วมมือมาให้เป็นที่พักพิงก็จะเปิดสถานศึกษาเพื่ออำนวยความสะดวกแก่พี่น้องประชาชนโดยคำนึงถึงความปลอดภัยของพี่น้องประชาชนเป็นสำคัญ
ส่วนเรื่องการจัดการเรียนการสอนได้มอบหมายให้ฝ่ายวิชาการของ สพฐ. คือ สำนักมาตรฐานและวิชาการศึกษาจัดทำรูปแบบการสอนที่ใช้ในรูปแบบเดียวกับสถานการณ์ในช่วง โควิด-19 โดยได้ออกแบบรูปแบบการสอนเสร็จเรียบร้อยแล้ว
เลขาธิการ กพฐ. กล่าวต่อไปว่า ที่ประชุมยังได้หารือถึงกรณีที่เด็กนักเรียนหญิงสามคนได้หายตัวไปจากโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ที่ อ.แม่แตงจังหวัดเชียงใหม่ รมว.ศธ. และ สพฐ.ได้รับทราบเรื่องดังกล่าวแล้ว พร้อมได้แสดงความห่วงใย ซึ่งจากความร่วมมือจากทุกฝ่ายทำให้พบตัวเด็กนักเรียนหญิงทั้งสามคนเรียบร้อยแล้ว โดยได้มีการเน้นย้ำถึงการดูแลเด็ก ครูต้องดูแลนักเรียนให้มีความสุข โดยเฉพาะด้านจิตใจ เพื่อให้เด็กรู้สึกว่าอยู่ที่โรงเรียนอบอุ่นเหมือนอยู่ที่บ้าน
นอกจากนี้ ที่ประชุมยังมีเรื่องการฟื้นฟูผู้ประสบภัยจากพายุวิภา เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการและสพฐ. พร้อมด้วยรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรสหกรณ์และได้ลงพื้นที่ที่จังหวัดน่านเพื่อไปสำรวจสภาพโรงเรียนหลังประสบอุทกภัย โดยพบว่ายังมีดินโคลนอยู่ในหลายโรงเรียนซึ่งทาง สพฐ.ได้จัดงบประมาณไปให้โรงเรียนดูแลในเรื่องของความสะอาดเพื่อจะทำการเรียนการสอนได้ตามปกติ โดยได้รับความร่วมมือจากกระทรวงเกษตรสหกรณ์ในการช่วยเหลืออำนวยความสะดวกในเรื่องอุปกรณ์และเครื่องมืออีกด้วย