รมว.นฤมล เร่งเดินหน้าสานต่อนโยบายลดภาระครู พร้อมปรับเกณฑ์วิทยฐานะเติมค่าครองชีพยกระดับคุณภาพชีวิต

      ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) กล่าวในการเป็นประธานการประชุมสัมมนาผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ทั่วประเทศ ครั้งที่ 1/2568 ณ โรงแรมรามาการ์เด้นส์ กรุงเทพมหานคร ว่า ตนได้รับเสียงสะท้อนจากในแต่ละพื้นที่รวมถึงบุคลากรครูที่มีการส่งข้อเสนอต่างๆเข้ามาตั้งแต่สมัยแรกที่ตนเป็นรัฐมนตรีก็ได้พยายามจะสานต่อสิ่งที่ครูและบุคลากรทางการศึกษาได้ขอความร่วมมือไว้ ก็คือเรื่องการลดภาระงานของครูซึ่งตอนนี้ เรื่องอัตรากำลัง กระทรวงศึกษาธิการก็กำลังทยอยเพิ่ม และในสัปดาห์หน้าจะมีการประชุมขับเคลื่อนหน่วยงานภายใน ศธ. ได้หลังจากแถลงนโยบายจากรัฐสภาแล้ว คาดว่าจะเห็นชอบอีก 1706 อัตราเกษียณที่จะจัดสรรมาเป็น 38 ค. ในการที่จะจ้างครูไซด์บุคลากรสายสนับสนุนแต่ละเขตพื้นที่ต่างๆก็จะทยอยได้ตรงนี้เพิ่ม ขณะเดียวกันผู้บริหารของหน่วยงานต้องปรับเรื่องของการรายงานผลงานต่างๆเพื่อให้เป็นการลดภาระการงานเข้ามา
      ศ.ดร.นฤมล กล่าวต่อไปว่า ในเรื่องภาระเรื่องวิทยฐานะก็เดินหน้าไปได้เยอะแล้วคสก็ได้ปรับ ผู้ประเมินแล้วว่าต้องมาจากแต่ละส่วนงานที่ทราบแล้วก็มีประสบการณ์ในงานนั้นนั้นเช่นประถมมัธยมอาชีวะก็ได้รายชื่อมาหมดแล้วหลังจากนี้ไปเเมื่อมีผู้ขอวิทยฐานะเข้ามาก็จะเอาผู้ประเมินจากกลุ่มเดียวกันที่เข้าใจงานเป็นคณะกรรมการในการประเมินของงานนอกจากนั้น ก็ได้ฝากทาง สำนักงาน กคศ. ให้ดูด้วยว่าจะทำเป็นทางเลือกในการที่จะไม่ต้องเป็นในเรื่องงานวิจัยอย่างเดียวหรือผลงานที่เป็นรูปเล่มอย่างเดียว แต่ว่าจะเป็นผลงานเชิงประจักษ์ที่เราเคยใช้ แต่ก่อนเรื่องประจักษ์นำกลับมาใช้หรือจะเป็นทางเลือกอื่นใดถ้าเป็นไปได้นจะนำเข้าที่ประชุมหลักเกณฑ์ของ กคศ. น่าจะเดือนหน้าต่อไป ว่าจะนำวิจัยเชิงประจักษ์กลับมาใช้อย่างไรได้บ้างที่สำคัญอันนึงก็คือเรื่องของครูซึ่งตนได้แจ้งนายกรัฐมนตรีไปแล้วว่ากระทรวงศึกษาธิการจะผลักดันเรื่องของการแก้หนี้ให้เป็นรูปธรรมซึ่งสอดคล้องกับนโยบายที่นายกรัฐมนตรีแถลงต่อรัฐสภา โดยเรื่องนี้จะอยู่กับภาคประชาชนแต่ก็จะรวมหนี้ครูของกระทรวงศึกษาอยู่ด้วย ทั้งนี้ศธ.จะเดินหน้าต่อในการจัดตั้งสหกรณ์กลางเพื่อที่จะรวมหนี้ครูจากสหกรณ์ต่างๆมาไว้ที่สหกรณ์กลาง แล้วก็ให้ดอกเบี้ยต่ำบนเงื่อนไขว่า ต้องไม่สร้างหนี้เพิ่ม ประเด็นนี้ก็ได้เรียนนายกรัฐมนตรีไปแล้วสุดท้ายก็ได้ฝากบุคลากรในเรื่องของการส่งเสริมการสอนแล้วก็อาจจะกำหนดเป็นการสอบด้วยของวิชาประวัติศาสตร์เพื่อที่จะทำให้ เด็กนักเรียนยุคใหม่เข้าใจว่าระบบการปกครองของประเทศไทยไม่เหมือนชาติอื่น หน้าที่ของเด็กในฐานะพลเมืองไทยก็อาจลอกเลียนจากประเทศอื่นไม่ได้ โดยจะใช้ครูเป็นผู้ที่ถ่ายทอดความเข้าใจต่างๆเหล่านี้ลงไปให้มากยิ่งขึ้น
      ศ.ดร.นฤมล กล่าวด้วยว่า เมื่อเร็วๆนี้ ตนได้ขอเพิ่มแผนบริหารการศึกษาเข้าไปในเรื่องของ พรบ. การศึกษาด้วยว่า เพราะต้องการให้กระทรวงศึกษาอยากจะทำให้สำเร็จในห้วงรัฐบาลนี้ ซึ่งทางเลขากฤษฎีกาก็ระบุว่าเป็นกฎหมายการศึกษาแห่งชาติอยู่ในคำแถลงนโยบายต่อสภาด้วยที่จะเป็นการปรับเกณฑ์เรื่องของวิทยฐานะต่างๆเห็นชอบแล้ว